นิสสัน มอเตอร์ (Nissan Motor Company., Ltd.) กว่าร้อยปีที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์พัฒนาเพื่อรถยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัย มอบสมรรถนะการใช้งานที่ดี ความปลอดภัยยอดเยี่ยม และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่เรารู้จักกันดี นอกจากค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Toyota และ Honda แล้ว รถยนต์จากค่าย Nissan ก็เป็นอีกค่ายหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ซึ่งรถยนต์จากค่าย Nissan นี้จะมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งในเรื่องของการออกแบบ สมรรถนะการใช้งาน รวมไปถึงเทคโนโลยีอันล้ำสมัย และล่าสุดก็ยังได้ผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าออกมาก่อนค่ายรถญี่ปุ่นเจ้าอื่น ๆ อีกด้วย แต่กว่าจะมาเป็น Nissan ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในทุกวันนี้ Nissan ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ รวมไปถึงการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งมากว่า 100 ปีเลยทีเดียว
บริษัท นิสสันมอเตอร์ จำกัด (Nissan Motor Company., Ltd.) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ปี ค.ศ.1933 แต่ก่อนที่จะมาเป็นบริษัท Nissan ก็ต้องย้อนไปเมื่อปี ค.ศ.1912 กันก่อน ซื้อเป็นปีที่นาย มาสุจิโร ฮาชิโมะโตะ ได้ก่อตั้งบริษัทผลิตรถยนต์ที่ชื่อว่า ไคชินฉะ ซึ่งแปลว่าบริษัทผลิตรถยนต์ที่ดี โดยตั้งอยู่ที่ตำบลอะซะบุในโตเกียว และถือว่าเป็นบริษัทผลิตรถยนต์บริษัทแรกของญี่ปุ่นอีกด้วย ต่อมาในปี ค.ศ.1914 บริษัทไคชินชาก็ได้ผลิตรถยนต์รุ่นแรกชื่อว่า "ดัต" (DAT) โดยได้ใช้ชื่อรถยนต์รุ่นใหม่ที่ตั้งมาจากอักษรย่อของนามสกุลของนักลงทุนทั้งสามคนนำมารวมกัน ได้แก่ Kenjiro Den, Rokuro Aoyama และ Meitaro Takeuchi โดยต่อมาได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท ไคชินชามอเตอร์คาร์ จำกัด ในปี ค.ศ.1918 และได้เปลี่ยนชื่อบริษัทอีกครั้งเป็น บริษัท ดัต จิโดะชะ จำกัด (บริษัท ดัตมอเตอร์คาร์) ในปี ค.ศ.1925 และย้ายที่ตั้งไปอยู่ที่เมืองโอซาก้า และหลังจากนั้น 1 ปี ก็ได้รวมกิจการเข้ากับบริษัท จิทสุโย จิโดชา เซอิโซ (Jitsuyo Jidosha Seizo Co.) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สามล้อและ 4 ล้อซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1920 และได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น ดัต ออโต โมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (Dat Automobile Manu Facturing Co.) โดยประกอบกิจการสร้างรถยนต์ออกจำหน่ายในชื่อ ดัต (DAT) และ ไลลา (LILA) แต่เมื่อดำเนินกิจการไปได้เพียง 10 ปีก็ต้องประสบปัญหาทางการเงินจนต้องขายกิจการให้กับบริษัท Tobata Imono ในปี ค.ศ.1931 จึงต้องเป็นปีเดียวกับรถรุ่นใหม่รุ่นของ ดัต ออโต โมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง ออกวางจำหน่ายพอดีโดยใช้ชื่อว่า ดัตซัน (DATSUN) ที่มีความหมายว่าลูกชายของ DAT แต่คำว่า SON ในภาษาญี่ปุ่นนั้นแปลว่าสูญเสียจริงใช้คำว่า SUN แทนนั้นเองและก็ได้ใช้ชื่อนี้ต่อเนื่องกันมายาวนานถึง 50 ปี
ต่อมาในปี ค.ศ.1933 ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นจุดกำเนิดของรถ Nissan ในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ เมื่อบริษัท Tobata Imono ซึ่งเป็นเจ้าของรถ DATSUN อยู่ในตอนนั้น ได้เข้าร่วมกับบริษัท Nihon Sangyo โดยก่อตั้งบริษัทรถยนต์ขึ้นใหม่มีชื่อว่า บริษัท จิโดฉะ เซอิโซ และได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Nissan Motor Company ในปีถัดมา และก็เป็นชื่อที่ใช้กันมาจนถึงปัจจุบันนี้ แต่ในช่วงนั้นรถที่ผลิตออกมาจำหน่ายก็ยังคงใช้ชื่อ DATSUN อยู่เช่นเดิม ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ Nissan เพียงอย่างเดียว เมื่อปี ค.ศ.1983 ดังนั้นเราอาจจะยังเคยพบเห็นรถยนต์ยี่ห้อ DATSUN ผ่านตากันอยู่บ้างในช่วงที่ยังเป็นเด็ก ๆ กันอยู่
สำหรับ Nissan ในประเทศไทย ก็ได้ก่อตั้งขึ้นโดย นายถาวร พรประภา ในกลุ่มของบริษัทสยามกลการ ซึ่งได้รับความไว้วางใจจาก Nissan Motor ประเทศญี่ปุ่นให้ประเทศไทยเป็นผู้จำหน่ายรถยนต์ของ Nissan เป็นรายแรกของโลก โดยในปัจจุบันก็ได้ดำเนินกิจการในนามบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จํากัด โดยดำเนินธุรกิจจำหน่ายและประกอบรถยนต์ Nissan ภายใต้การบริหารดูแลจัดการของ Nissan Motor ประเทศญี่ปุ่น โดยได้เริ่มต้นสายพานการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จากนั้นได้ย้ายฐานการผลิตไปยังจังหวัดสมุทรปราการในปี พ.ศ. 2518 ต่อมาในปี พ.ศ.2557 ก็ได้เปิดไลน์การผลิต ณ โรงงานแห่งที่ 2 บนถนนบางนา – ตราด กม. 22 เพื่อเป็นฐานการผลิตรถยนต์ Nissan Navara สำหรับจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังทั่วโลกอีกด้วย และในเดือนเมษายน พ.ศ. 2558 ทาง Nissan ก็ได้เปิดศูนย์วิจัยและพัฒนารถยนต์ระดับภูมิภาค ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเดียวกันกับโรงงานในจังหวัดสมุทรปราการและได้เริ่มทำการส่งออกรถยนต์คุณภาพสูงที่ผลิตขึ้นในประเทศไทยไปสู่ลูกค้าทั่วโลก โดยตลาดส่งออกสูงสุด 3 อันดับแรกของ นิสสัน ประเทศไทย ได้แก่ ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ตามด้วย อินโดนีเซีย มาเลเซีย แอฟริกาใต้ เวียดนาม นิวซีแลนด์ ดูไบ และโอมาน
3 โมเดลรถของ Nissan ที่กำลังได้รับความนิยมและเป็นที่น่าจับตามองอยู่ในขณะนี้
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 Nissan ก็ได้ขยายการส่งออกรถยนต์จากประเทศไทยไปยังกว่า 115 ประเทศทั่วโลก โดยรถยนต์ที่เรียกได้ว่ากำลังได้รับความสนใจและมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เห็นจะเป็นรถ SUV ตัวใหม่อย่าง Nissan Terra รถกระบะพันธุ์แกร่งยอดนิยมอย่าง Nissan Navara และยังมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ขายดีเป็นอันดับ 1 ของโลกอย่าง Nissan leaf อีกด้วย โดยแต่ละรุ่นก็มีรายละเอียดดังนี้
1. Nissan Terra เป็นรถ SUV แบบ 7 ที่นั่ง ที่เต็มเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะสุดล้ำสมัย พัฒนามาจาก Nissan Navara กระบะที่ได้รับความนิยมทั่วโลก โดยเปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศจีนเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2561 และได้เปิดตัวอีกครั้งเพื่อทำตลาดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2561โดยผลิตขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการรถประเภท SUV ขนาดกลางที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยรถประเภท SUV นั้นเป็น 1 ใน 3 ประเภทรถที่มีการขยายตัวด้านยอดจำหน่ายสูงสุด โดย Nissan terra จะผลิตที่โรงงาน Nissan ในประเทศไทยเพื่อส่งออกไปยังตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้มีการเปิดตัวในประเทศไทยเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2561 ซึ่งในเวอร์ชั่นที่วางขายในประเทศไทยก็จะมาพร้อมเครื่องยนต์ YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 7 สปีด ให้กำลังสูงสุดที่ 190 แรงม้า และมีแรงบิดมหาศาลที่ 450 นิวตัน-เมตร ให้อัตราเร่งที่ดี ให้พละกำลังต่อเนื่องพร้อมทุกการขับขี่เมื่อเทียบกับเอสยูวีในระดับเดียวกัน
นอกจากนี้ Nissan Terra มาพร้อมเทคโนโลยีล่าสุดจาก นิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี เพื่อเสริมการขับขี่ให้ปลอดภัยและมั่นใจยิ่งขึ้น โดยเป็นรถ SUV รายแรกและรายเดียวที่มีเทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ หรือ Intelligent Rear View Mirror (IRVM) ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นทัศนวิสัยด้านหลังขณะขับขี่ นอกจากนี้ยังติดตั้งเทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง หรือ Lane Departure Warning (LDW) เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning (BSW) และเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor (IAVM) ที่มาพร้อมเทคโนโลยีตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน Moving Object Detection (MOD) เพื่อช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นควบคู่ไปกับการได้รับความสะดวกสบายอย่างสูงสุดสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกคน นอกจากนี้ยังมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่มาพร้อมเทคโนโลยีป้องกันการลื่นไถล Brake Limited Slip Differential (B-LSD) และระบบ Electronic Rear Differential-Lock รวมถึงเทคโนโลยีช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA) และเทคโนโลยีควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC) ที่ช่วยให้สามารถควบคุมความเร็วของรถได้ในสภาวะการขับขี่ที่สูงชัน และด้วยระยะความสูงจากพื้นถนนถึงใต้ท้องรถ หรือ Ground Clearance ถึง 225 มิลลิเมตร ยังช่วยลดความเสี่ยงจากความเสียหายที่มาจากถนนที่ขรุขระ มีหลุมบ่อไม่ราบเรียบ หรือการขับรถผ่านพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังได้อย่างมั่นใจ
2. Nissan Navara รถกระบะขนาด 1 ตัน ที่ผลิตขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2540 โดยเข้ามาทดแทนรถกระบะรุ่นเก่าก็คือ Nissan Big-M โดยเคยมีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า Nissan Frontier สำหรับในประเทศไทยเริ่มมีการจำหน่ายครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2541 ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างมากและก็มีจำหน่ายมาจนถึงปัจจุบันนี้ โดยแบ่งออกเป็น 3 Generation ได้แก่
- Generation ที่ 1 (พ.ศ. 2540-2546) ผลิตระหว่างปี พ.ศ. 2540-2547 ส่วนในประเทศไทยผลิตระหว่างปี พ.ศ. 2541-2550 โดยใช้รหัส D22 มีเครื่องยนต์ 6 ขนาด คือ 2.4 ,2.5 ,2.7 ,3.0 ,3.2 และ 3.3 ลิตร โดยในประเทศไทยมีจำหน่ายเฉพาะรุ่น 2.7 และ 3.0 ลิตรเท่านั้น และมีเกียร์ 3 แบบคือ เกียร์ธรรมดา 4 สปีด เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด โดยในประเทศไทย รุ่นก่อนไมเนอร์เชนจ์มีชื่อว่า นิสสัน บิ๊กเอ็ม ฟรอนเทียร์ หลังจากไมเนอร์เชนจ์แล้วจึงได้ใช้ชื่อ นิสสัน ฟรอนเทียร์
- Generation ที่ 2 (พ.ศ. 2547-2557) ผลิตระหว่างปี พ.ศ. 2547-2557 ส่วนในประเทศไทย ผลิตระหว่างปี พ.ศ. 2550 - 2557 โดยใช้รหัส D40 มีเครื่องยนต์ 3 ขนาด คือ 2.5 ,3.0 และ 4.0 ลิตร โดยในประเทศไทยมีจำหน่ายเฉพาะรุ่น 2.5 ลิตร และมีเกียร์ 3 แบบ คือเกียร์ธรรมดา 5 สปีด เกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด และมีตัวถังที่ใหญ่ขึ้นมากกว่ารุ่น D22 และมีการปรับโฉม (Minorchange) เมื่อปี พ.ศ. 2554 นอกจากนี้ นิสสันยังเคยผลิตภายใต้แบรนด์ Suzuki สำหรับจำหน่ายในตลาดอเมริกาในชื่อ Suzuki Equator อีกด้วย
- Generation ที่ 3 (พ.ศ. 2557-ปัจจุบัน) ได้มีการเปิดตัวรุ่นที่ 3 ที่เรียกกันว่า NP300 Navara เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนพ.ศ 2557 ใช้รหัสตัวถัง D23 โดยมีสายการผลิตในประเทศไทย มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ DOHC ขนาด 2,500 ซีซี ใหม่ มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นกำลัง 163 แรงม้า และ รุ่น 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุดทั้ง 2 รุ่นอยู่ที่ 450 นิวตันเมตร มีอัตราประหยัดน้ำมันที่ดีขึ้น 11 เปอร์เซ็นต์ ระบบขับเคลื่อนประกอบด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และมีรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อกับรุ่นขับเคลื่อนสองล้อให้เลือกใช้งานกันด้วย และจัดเต็มระบบเสริมความปลอดภัยใหม่ ๆ ให้อย่างครบถ้วน ทั้งระบบช่วยการทรงตัว (VDC) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดขัน (HSC) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาด (HDC) และเฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิป (LSD) เพิ่มความมั่นใจทุกสภาพถนนไม่ว่าจะในเมืองหรือลุยทางออฟโร้ด และล่าสุดก็ได้มีการปรับโฉมย่อยใหม่ล่าสุดในปี 2019 และปล่อยรุ่นพิเศษอย่างอย่าง Nissan Navara Black Edition 2019 ใหม่ ออกมาอีกด้วย
3. Nissan leaf เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแฮทช์แบ็ก 5 ประตูขนาดเล็กที่เปิดตัวในประเทศญี่ปุ่นและประเทศสหรัฐอเมริกาไปเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2553 ตามด้วยประเทศแคนาดาและหลายประเทศในยุโรปปี พ.ศ. 2554 โดยสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา (EPA) ได้ทดสอบระยะทางที่ Nissan leaf รุ่น ปี 2016 สามารถวิ่งได้ไกลสุดจากแบตเตอรี่ขนาด 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงได้ไกลถึง 172 กิโลเมตร (107 ไมล์) และแบตเตอรี่ขนาด 24 กิโลวัตต์ชั่วโมงที่มีขนาดเล็กกว่าสามารถวิ่งได้ระยะทางไกลสุด 135 กิโลเมตร (84 ไมล์) ซึ่งเท่ากับรุ่นปี 2014-2015 โดยแบตเตอรี่ของ Nissan leaf สามารถชาร์จจากความจุว่างเปล่าถึงความจุ 80 เปอร์เซ็นต์ได้ในเวลาประมาณ 30 นาทีโดยใช้การชาร์จเร็วแบบกระแสตรง ซึ่งการที่ Nissan leaf นั้นเป็นรถพลังงานไฟฟ้าจึงไม่มีการผลิตไอเสียหรือแก๊สเรือนกระจกออกมาในขณะขับขี่ จึงช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและช่วยลดการพึ่งพานำมันปิโตรเลียมได้ 100% โดยในเดือนมกราคม พ.ศ. 2561 Nissan leaf ถูกขายได้มากกว่า 300,000 คันทั่วโลก นับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ จึงทำให้กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในโลก โดยยอดขายสูงสุดอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ตามมาด้วยประเทศญี่ปุ่นและประเทศในแถบยุโรปอย่างนอร์เวย์และอังกฤษ
ตัวแทนจำหน่ายและดีลเลอร์คุณภาพของ Nissan ที่มีรถใหม่ให้เลือกครบทุกรุ่น มาพร้อมข้อเสนอพิเศษและการบริการด้วยความประทับใจใกล้บ้านคุณ
สำหรับผู้ที่สนใจรถยนต์ Nissan ก็สามารถเข้าไปชมและสอบถามรายละเอียดได้ที่ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Nissan ใกล้บ้านคุณ โดยผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมที่โชว์รูม Nissan ที่มีอยู่กว่า 200 แห่งใน 77 จังหวัด โดยมีศูนย์บริการและตัวแทนจำหน่ายอยู่ในเขตภาคกลางและกรุงเทพฯกว่า 75 แห่งและกระจายไปตามเมืองใหญ่ ๆ อีกหลายแห่งทั่วประเทศ หรือติดต่อสอบถามที่ Nissan Call Center หมายเลข โทรศัพท์ 02 401 9600 หรือที่เว็บไซต์ https://www.nissan.co.th/dealer-finder.html เพื่อค้นหาตัวแทนจำหน่ายที่ใกล้ที่สุดและพร้อมให้บริการด้วยความประทับใจสูงสุดให้กับคุณ
ด้วยการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งและพร้อมปรับตัวให้เข้ากับโลกยุคใหม่ได้อย่างไม่หยุดนิ่ง จึงทำให้รถยนต์จาก Nissan ยังคงครองความประทับใจให้กับผู้ใช้งานมาตลอดเวลายาวนานกว่าร้อยปี จนถึงปัจจุบันรถยนต์จาก Nissan ก็ยังคงเป็นรถที่ได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย อีกทั้งยังมีรถหลายรุ่นหลายแบบที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ในทุกไลฟ์สไตล์รอให้คุณเข้าไปสัมผัสและพร้อมเป็นเจ้าของที่โชว์รูมและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Nissan ได้แล้วทั่วประเทศใกล้บ้านคุณ