Apple iPhone 11 Pro Max เช็คราคาล่าสุด ราคาถูก สเปค

และแน่นอนว่าจุดเด่นของ iPhone อีกเรื่องหนึ่งก็คือกล้องถ่ายรูป สำหรับใน Apple iPhone 11 Pro Max ก็ต้องบอกว่ามากับกล้องถ่ายรูปที่มีความโดดเด่นมากเลยทีเดียว โดยมากับกล้องด้านหลังถึง 3 ตัวที่จัดเรียงกันได้อย่างเป็นเอกลักษณ์ พร้อมกล้องหน้าแบบ TrueDepth โดยกล้องทั้งหมดมีความละเอียดอยู่ที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเท่ากัน และมาพร้อมกับระบบกันสั่น OIS เก็บทุกภาพความประทับใจได้อย่างยอดเยี่ยมไม่ว่าจะใช้กล้องตัวไหนก็ตาม และยังมาพร้อมกับคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมอีกหลายอย่างที่บอกได้คำเดียวว่าต้องลองใช้ดูถึงจะรู้ แต่ยืนยันได้เลยว่า Apple iPhone 11 Pro Max จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน

Apple iPhone 11 Pro Max มือถือที่รวมทุกความเป็นที่สุดเอาไว้ในเครื่องเดียว มอบประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจในทุกความต้องการแบบเต็ม Max สุดยอดแห่งมือถือที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถอันน่าตื่นตาตื่นใจอย่างแท้จริง

Apple iPhone 11 Pro Max เป็น iPhone ที่อยู่ในตระกูล Apple iPhone 11 โดยเปิดตัวมาเมื่อเดือนกันยายน 2019 พร้อมกันทั้งหมด 3 รุ่นได้แก่ iPhone 11, 11 Pro และ 11 Pro Max ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่ 14 นับตั้ง Apple เปิดตัว iPhone รุ่นแรกในปี 2007 ออกมาเลยก็ว่าได้ โดยเป็นรุ่นที่ได้รับการพัฒนาความสามารถในระดับสูงสุดของ iPhone ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ Super Retina XDR OLED ระดับโปร กล้องถ่ายรูปที่มอบความสามารถระดับโปรได้ราวกับกล้องมืออาชีพ พร้อมด้วยพลังแห่งการประมวลผลจากชิปเซ็ตตัวใหม่ล่าสุดของค่ายอย่าง A13 Bionic ที่มอบความสามารถในการเล่นเกมได้อย่างยอดเยี่ยมสำหรับ Pro Gamer ตัวจริง พร้อมระบบเสียงสเตอริโอ Dolby Atmos ที่ช่วยเพิ่มอรรถรสและความเต็มอิ่มและความบันเทิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ และแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานมากกว่าเดิม พร้อมรองรับ Wi-Fi 6 (802.11ax) ที่ช่วยให้การดาวน์โหลดผ่าน Wi-Fi เร็วขึ้นถึง 38 เปอร์เซ็นต์ และใช้ระบบรักษาความปลอดภัยด้วย Face ID ที่แม่นยำและมีความปลอดภัยสูง เรียกได้ว่าทุกประสิทธิภาพการใช้งานของ Apple iPhone 11 Pro Max เป็น iPhone นั้นคือความสามารถในระดับสูงด้วยกันทั้งสิ้น

Apple iPhone 11 Pro Max มากับดีไซน์กระจกที่แข็งแรงและหรูหราสวยงามตามแบบฉบับของ iPhone มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่และการจัดวางกล้องหลังอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

การออกแบบของ Apple iPhone 11 Pro Max ก็เรียกได้ว่าเป็นรุ่นพี่ใหญ่ในตระกูล iPhone 11 Series โดยมาพร้อมกับตัวเครื่องที่ใช้วัสดุเป็น Stainless Steel พร้อมครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ที่มอบทั้งความแข็งแรงทนทานและความสวยงามหรูหราเอาไว้ได้อย่างลงตัว และยังมาพร้อมกับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นในระดับ IP68 อยู่ในน้ำลึกถึง 4 เมตรได้งาน 30 นาที ซึ่งในรุ่นนี้ก็มีสีสันให้เลือกได้แก่ สีทอง สีเทาสเปซเกรย์ สีเงิน และสีเขียวมิดไนท์กรีน มาในแพ็คเกจกล่องสีดำสุดหรูอุปกรณ์ภายในกล่องก็จะประกอบไปด้วยตัวเครื่องของ Apple iPhone 11 Pro Max หูฟัง EarPods พร้อมหัวต่อ Lightning สาย USB C เป็น Lightning อะแดปเตอร์แปลงไฟ USB C ขนาด 18 วัตต์ และเอกสารคู่มือการใช้งาน

ตัวเครื่องของ Apple iPhone 11 Pro Max มีความกว้าง 77.8 มิลลิเมตร ความสูง 158.0 มิลลิเมตร และหนา 8.1 มิลลิเมตร มีน้ำหนักรวมแบตเตอรี่อยู่ที่ 226 กรัม มาพร้อมหน้าจอแสดงผล OLED แบบ Super Retina XDR ซึ่งมีขอบมนรับกับดีไซน์แบบโค้งอันงดงามของตัวเครื่อง โดยมีหน้าจอขนาด 6.5 นิ้วความละเอียด 2688 x 1242 พิกเซลที่ 458 ppi อัตราส่วนหน้าจอ 19.5:9 มีอัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 รองรับการแสดงผลแบบ True Tone รองรับการแสดงผลแบบ HDR จอภาพขอบเขตสีกว้าง (P3) รองรับการแตะค้างแบบสั่น รองรับ120Hz touch-sensing มีความสว่างสูงสุด 800 นิต (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุด 1,200 นิต (HDR) เคลือบสารกันรอยนิ้วมือ oleophobic coating และรองรับการแสดงผลหลายภาษาและตัวอักษรหลายแบบพร้อมกัน โดยในรุ่นนี้ก็จะใช้ระบบสัมผัส Haptic Touch เข้ามาแทนที่ 3D Touch แบบเก่า ก็เรียกได้ว่ายังคงจุดเด่นในเรื่องของจอแสดงผลและการสัมผัสหน้าจอได้อย่างยอดเยี่ยมอยู่เช่นเคย

บริเวณด้านหน้าของตัวเครื่องนอกจากจะเป็นหน้าจอแสดงผลขนาด 6.5 นิ้วแล้ว ด้านบนก็จะเป็นรอยบากขนาดใหญ่ตามแบบฉบับของ iPhone โดยติดตั้งลำโพงพร้อมด้วยกล้องหน้า TrueDepth อยู่ทางด้านขวาของลำโพง และมีแผงเซนเซอร์ต่าง ๆ เพื่อช่วยในการใช้งาน FaceID รวมไปถึงไมโครโฟนในตัว ส่วนบริเวณด้านล่างของหน้าจอก็จะเป็นขอบของหน้าจอที่ไม่มีปุ่มการใช้งานใด ๆ ติดตั้งอยู่ในบริเวณนี้ ส่วนขอบทางด้านซ้ายของตัวเครื่องก็จะมีปุ่ม Toggle หรือสวิตซ์สำหรับเปิดปิดเสียง และปุ่มสำหรับปรับระดับเสียงแบบแยกกัน 2 ปุ่ม ส่วนทางขอบด้านขวาของตัวเครื่องก็จะเป็นปุ่มยาวที่เอาไว้ใช้พักหน้าจอแสดงผลรวมไปถึงเรียกใช้งาน Siri ถัดลงมาก็จะเป็นช่องสำหรับใส่ถาดซิมการ์ด โดยรองรับซิมการ์ดแบบ Nano SIM 1 ส่วนอีกซิมจะเป็นแบบ eSIM ซึ่งเป็นชิปฝังอยู่ในตัวเครื่อง ทางขอบด้านบนก็จะมีลักษณะโล่ง ๆ ไม่มีปุ่มใช้งานใด ๆ อยู่ในบริเวณนี้ แต่จะมองเห็นเป็นแถบเส้นสัญญาณพาดอยู่ด้วย ส่วนทางขอบด้านล่างก็จะเป็นที่อยู่ของ ไมโครโฟนในตัว ช่องต่อ Lightning และลำโพงสเตอริโอของตัวเครื่อง

ทางด้านหลังของตัวเครื่องก็จะมาพร้อมกับกระจกแบบด้านที่มีความสวยงามเป็นอย่างมากโดยทำการติดตั้งกล้องถ่ายรูปทั้งหมด 3 ตัวที่วางอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมขอบมนด้านมุมบนซ้ายมือเอาไว้ได้อย่างโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเลยทีเดียว พร้อมด้วยไฟแฟลช True Tone และรูไมโครโฟนเล็ก ๆ ส่วนบริเวณกึ่งกลางของฝาหลังก็จะเป็นสัญลักษณ์โลโก้ของ Apple ซึ่งก็ถือได้ว่าออกแบบมาได้สวยงามตามมาตรฐานของ iPhone และยังใช้กระจกที่มีลักษณะด้านจึงช่วยป้องกันการเกิดคราบรอยนิ้วมือได้ดีขึ้น

Apple iPhone 11 Pro Max มาพร้อมชิป A13 Bionic Neural Engine รุ่นที่ 3 มอบการประมวลผลแบบ Real Time ที่ให้ความเร็วในระดับที่ยากจะหาใครเทียบเทียม

สำหรับสเปคของ Apple iPhone 11 Pro Max รุ่นนี้ก็มาพร้อมกับชิป Apple A13 Bionic (7 nm+) CPU แบบ Hexa-core (2x2.65 GHz Lightning + 4x1.8 GHz Thunder) พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก GPU Apple GPU (4-core graphics) จับคู่มากับ RAM 4GB โดยมีตัวเลือกหน่วยความจำได้แก่ 64GB, 256GB และ 512GB ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ iOS 13 ที่รองรับการอัปเกรดเป็น iOS เวอร์ชั่นล่าสุดได้ รักษาความปลอดภัยด้วยระบบสแกนใบหน้าหรือ Face ID ที่เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 30% พร้อมผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Siri ที่มีมาให้ใช้งานกันเหมือนเช่นเคย

สำหรับชิป A13 Bionic ที่ออกแบบโดย Apple นั้น ก็ทางค่ายก็เคลมมาว่าเป็นชิปที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมาในมือถือสมาร์ทโฟนเลยก็ว่าได้ ซึ่งมอบความเป็นที่สุดไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม Fusion แบบ 64 บิต โดยคอร์ประมวลผลการทำงานสามารถจัดการกับงานที่สลับซับซ้อนได้เร็วยิ่งกว่าที่เคย ในขณะที่คอร์ประหยัดพลังงานแบบเฉพาะก็จะคอยรับมือกับงานทั่วไปในชีวิตประจำวัน จึงทำให้สามารถประหยัดพลังงานได้มากกว่า พร้อม CPU เร็วที่สุดด้วยคอร์ประมวลผลการทำงานทั้ง 2 คอร์ของ CPU เร็วขึ้นสูงสุด 20% และใช้พลังงานน้อยลงสูงสุด 30% ในขณะที่คอร์ประหยัดพลังงานทั้ง 4 คอร์เร็วขึ้นสูงสุด 20% และใช้พลังงานน้อยลงสูงสุด 40% และ GPU เร็วที่สุดที่ออกแบบโดย Apple นั้นเร็วขึ้นสูงสุด 20% และใช้พลังงานน้อยลงสูงสุด 40% ซึ่งเหมาะสำหรับการเล่นเกมที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและประสบการณ์ AR ขั้นสูง นอกจากนี้ก็ยังมาพร้อมกับ Neural Engine แบบ 8 คอร์ที่ออกแบบโดย Apple มอบความเร็วขึ้นสูงสุด 20% และใช้พลังงานน้อยลงสูงสุด 15% เรียกได้ว่าเป็นขุมพลังในเบื้องหลังที่คอยขับเคลื่อนทั้งระบบของกล้องถ่ายรูปทั้ง 3, Face ID, แอพ AR และอื่น ๆ อีกมากมาย และก็ยังมี Core ML 3 ที่ทำงานร่วมกับตัวควบคุมด้านการเรียนรู้ของระบบเพื่อส่งงานต่าง ๆ ไปยัง CPU, GPU หรือ Neural Engine โดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้นักพัฒนาใช้ประโยชน์จากขุมพลังด้านการเรียนรู้ของระบบในชิพ A13 Bionic ได้อย่างเต็มที่อีกด้วย

ในส่วนของแบตเตอรี่ซึ่งถือว่าเป็นจุดด้อยของ iPhone เมื่อเทียบกับคู่แข่งค่ายอื่น ๆ แต่ในรุ่นนี้ก็เรียกแต่ว่ามีการพัฒนาในเรื่องของการจัดการพลังงานและแบตเตอรี่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม โดยมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3,969 มิลลิแอมป์ ที่สามารถใช้งานได้นานขึ้นกว่าเดิมถึง 5 ชั่วโมง โดยสามารถสนทนาได้นาน 20 ชั่วโมงและฟังเพลงได้นานถึง 80 ชั่วโมง พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 18W โดยสามารถชาร์จจาก 0 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ได้ภายในเวลา 30 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ก็ยังรองรับการชาร์จแบบไร้สายตามมาตรฐาน Qi wireless charging อีกด้วย

สำหรับโหมดการใช้งานที่น่าสนใจของ Apple iPhone 11 Pro Max บอกเลยว่ามาพร้อมกับความสามารถที่หลากหลายและเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Siri ที่มีความฉลาดมากยิ่งขึ้นสามารถตั้งชุดคำสั่งได้เอง Live Wallpaper แบบใหม่ที่เป็นพื้นหลังแบบสามารถขยับได้ พร้อมด้วย Dark mode เพื่อช่วยในการใช้งานในเวลาค่ำคืนให้มีความสบายตามากยิ่งขึ้นและยังช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่า ตามมาด้วยบริการใหม่อย่าง Game Arcade และ Apple TV+ และมีการฝังชิป U1 Chip ช่วยให้ใช้งาน AirDrop ที่รวดเร็วยิ่งกว่า พร้อมระบบเสียงสเตอริโอสมจริงรอบทิศทางจาก Dolby Atmos นอกจากนี้ในส่วนของการเล่นเกมก็บอกได้เลยว่ายังคงทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและไว้ใจได้เหมือนเช่นเคย สามารถปรับการตั้งค่าการเล่นเกมในระดับสูงสุดได้อย่างลื่นไหลไม่มีปัญหา

Apple iPhone 11 Pro Max มากับกล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 ตัวที่ได้รับการพัฒนาในการถ่ายรูปไปอีกขั้น พร้อมด้วยกล้องหน้าแบบ TrueDepth ที่รองรับการถ่ายวิดีโอเซลฟี่แบบสโลว์โมชั่น

ต้องบอกก่อนว่ากล้องถ่ายรูปของ iPhone นั้นเมื่อเทียบกับความละเอียดของกล้องถ่ายรูปของคู่แข่งบอกเลยว่ายังห่างไกลกันอยู่มาก เพราะในขณะที่ค่ายอื่น ๆ มากับกล้องความละเอียดไปที่ 48 ล้านหรือ 64 ล้านพิกเซลกันแล้ว แต่กล้องถ่ายรูปของ Apple iPhone 11 Pro Max รุ่นนี้ก็ยังมาที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลด้วยกันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นกล้องหน้าและกล้องหลัง แต่ด้วยการทำงานของ Software กล้องรวมไปถึงชิป A13 Bionic บอกเลยว่าทำให้กล้องของ iPhone นั้นถ่ายออกมาได้สวยในระดับมืออาชีพกันเลยทีเดียว โดยที่กล้องด้านหลังทั้ง 3 ตัว ก็จะประกอบไปด้วย กล้องอัลตร้าไวด์ทางยาวโฟกัส 13 มม. รูรับแสงขนาด f/2.4 ชุดเลนส์ 5 ชิ้น มุมมองภาพ 120° เก็บภาพได้กว้างขึ้น 4 เท่า กล้อง wide ทางยาวโฟกัส 26 มม. รูรับแสงขนาด f/1.8 ชุดเลนส์ 6 ชิ้น พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล (OIS) และ Focus Pixels 100% ส่วนกล้องตัวที่ 3 ก็จะเป็น กล้องเทเลโฟโต้ ทางยาวโฟกัส 52 มม. รูรับแสงขนาดใหญ่ขึ้นเป็น f/2.0 ชุดเลนส์ 6 ชิ้น ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล (OIS) และซูมออปติคอลได้ 2 เท่า และกล้องหน้าแบบ TrueDepth ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลรูรับแสงขนาด f/2.2

สำหรับโหมดการใช้งานของกล้องถ่ายรูปที่น่าสนใจก็จะประกอบไปด้วยโหมดภาพถ่ายบุคคลพร้อมโบเก้ที่สมจริงและการควบคุมระยะชัดลึกหรือโหมด Portrait ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง พร้อมการจัดแสงถ่ายภาพบุคคลด้วยเอฟเฟ็กต์ 6 แบบได้แก่ แสงไฟธรรมชาติ แสงไฟสตูดิโอ แสงไฟคอนทัวร์ แสงไฟเวที แสงไฟเวทีขาวดำ แสงไฟขาวดำไฮคีย์ มาพร้อมโหมดกลางคืนที่ทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อใช้งานกล้องในที่มืดหรือที่มีแสงน้อย และโหมด HDR อัจฉริยะที่ช่วยให้คุณถ่ายรูปได้สวยงามในทุกสภาพแสง

ในส่วนของการถ่ายวีดีโอก็จะมี QuickTake ที่เพียงแค่แตะชัตเตอร์ค้างเอาไว้ก็เริ่มใช้งานสำหรับบันทึกวิดีโอได้ในทันที นอกจากนี้ในส่วนของกล้องหน้า TrueDepth ก็อยากให้คุณสามารถถ่ายวิดีโอเซลฟี่สโลว์โมชั่นสุดสนุกที่ 120 fps หรือถ่ายวิดีโอระดับ 4K ที่ 60 fps พร้อมด้วยลูกเล่น Animoji และ Memoji และกล้องหลังที่สามารถถ่ายวิดีโอระดับ 4K โดยมีช่วงไดนามิกที่กว้างขึ้นพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวคุณภาพระดับภาพยนตร์ และยังสามารถปรับแต่งวีดีโอได้เหมือนกับในรูปภาพอีกด้วย เรียกว่าเป็นมือถือที่มาพร้อมความสามารถในเรื่องกล้องในระดับสูงทั้งในส่วนของภาพนิ่งและวิดีโอกันเลยทีเดียว

ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือก Apple iPhone 11 Pro Max

ข้อดี

• ดีไซน์กระจกสวยงามพร้อมการออกแบบที่แข็งแรงทนทาน
• หน้าจอขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว พร้อมการแสดงผลสวยงามขั้นสุด
• ระบบปลดล็อคด้วยใบหน้าทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
• สเปคแรง ใช้งานได้อย่างลื่นไหลและเล่นเกมได้ดีมาก
• แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานมากขึ้น
• รองรับการชาร์จเร็วและการชาร์จแบบไร้สาย
• กล้องถ่ายรูปทำออกมาได้ดีมากทั้งการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ

ข้อเสีย

• ตัวเครื่องค่อนข้างหนักและหนาพอสมควร
• ราคาค่อนข้างแพง
• ไม่รองรับหน่วยความจำเสริมจากภายนอก

2/4/2020