Apple iPhone 11 เช็คราคาล่าสุด ราคาถูก สเปค

และแน่นอนว่าจุดเด่นของ iPhone อีกเรื่องหนึ่งก็คือกล้องถ่ายรูป สำหรับใน Apple iPhone 11 ก็ต้องบอกว่ามากับกล้องถ่ายรูปที่มีความโดดเด่นมากเลยทีเดียว โดยมากับกล้องด้านหลังแบบเลนส์คู่พร้อมกล้องหน้าแบบ TrueDepth โดยกล้องทั้งหมดมีความละเอียดอยู่ที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเท่ากัน และมาพร้อมกับระบบกันสั่น OIS เก็บทุกภาพความประทับใจได้อย่างยอดเยี่ยมไม่ว่าจะใช้กล้องตัวไหนก็ตาม และยังมาพร้อมกับคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมอีกหลายอย่างที่บอกได้คำเดียวว่าหาได้แค่ใน iPhone เท่านั้น

Apple iPhone 11 มือถือ iPhone ที่มาในราคาง่ายต่อการเข้าถึงมากขึ้น พร้อมคุณสมบัติที่ลงตัวได้อย่างพอเหมาะพอดี แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพการใช้งานที่ลื่นไหลไม่ทิ้งลาย iPhone อย่างแน่นอน

Apple iPhone 11 เป็น iPhone ที่อยู่ในตระกูล Apple iPhone 11 โดยเปิดตัวมาพร้อมกันทั้งหมด 3 รุ่นได้แก่ iPhone 11, 11 Pro และ 11 Pro Max ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่ 14 นับตั้ง Apple เปิดตัว iPhone รุ่นแรกในปี 2007 ออกมาเลยก็ว่าได้ โดยรุ่นนี้ก็จะเป็นรุ่นเล็กระดับเริ่มต้นในซีรีย์ของ iPhone 11 ซึ่งก็เป็นรุ่นที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากรุ่นที่แล้วอย่าง iPhone XR ให้มีความสามารถที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะกล้องถ่ายรูปที่มอบภาพถ่ายที่สวยงามได้ราวกับกล้องมืออาชีพ และยังคงใช้งานได้อย่างลื่นไหลด้วยพลังแห่งการประมวลผลจากชิปเซ็ตตัวใหม่ล่าสุดของค่ายอย่าง A13 Bionic Neural Engine รุ่นที่ 3 ที่มอบความสามารถในการประมวลผลต่าง ๆ ได้อย่างยอดเยี่ยมแบบเรียลไทม์ พร้อมระบบเสียงสเตอริโอ Dolby Atmos ที่ช่วยเพิ่มอรรถรสและความเต็มอิ่มและความบันเทิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ และแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานมากกว่าเดิม พร้อมรองรับ Wi-Fi 6 (802.11ax) ที่ช่วยให้การดาวน์โหลดผ่าน Wi-Fi เร็วขึ้น ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยด้วย Face ID ที่แม่นยำและมีความปลอดภัยสูง เรียกได้ว่าทุกประสิทธิภาพการใช้งานของ Apple iPhone 11 ถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นเล็กราคาประหยัดของ iPhone แต่ก็ยังคงเป็น iPhone ที่มาพร้อมกับความสามารถอันน่าประทับใจอยู่ดี

Apple iPhone 11 มากับดีไซน์กระจกที่แข็งแรงและหรูหราสวยงามตามแบบฉบับของ iPhone มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่และสีสันสดใสให้เลือกมากเป็นประวัติการณ์

การออกแบบของ Apple iPhone 11 รุ่นนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นน้องเล็กสุดในตระกูล iPhone 11 โดยมาพร้อมกับตัวเครื่องที่ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียม พร้อมครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ที่มอบทั้งความแข็งแรงทนทานและความสวยงามหรูหราเอาไว้ได้อย่างลงตัว และยังมาพร้อมกับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นในระดับ IP68 อยู่ในน้ำลึกถึง 2 เมตรได้นาน 30 นาทีตามมาตรฐาน IEC 60529 ซึ่งในรุ่นนี้ก็มีสีสันให้เลือกมากเป็นประวัติการณ์ของ iPhone กันเลยทีเดียว และยังมาพร้อมกับสีสันที่สดใสสวยงามน่าใช้เป็นอย่างยิ่ง โดยมีให้เลือกด้วยกันถึง 6 สีได้แก่ สีดำ สีเขียว สีเหลือง สีม่วง สีแดง และสีขาว มาในแพ็คเกจกล่องสีขาวสุดหรู โดยที่อุปกรณ์ภายในกล่องก็จะประกอบไปด้วยตัวเครื่องของ Apple iPhone 11 หูฟัง EarPods พร้อมหัวต่อ Lightning สาย Lightning to USB อะแดปเตอร์แปลงไฟ USB ขนาด 5 วัตต์ และเอกสารคู่มือการใช้งาน

ตัวเครื่องของ Apple iPhone 11 มีความกว้าง 75.7 มิลลิเมตร ความสูง 150.9 มิลลิเมตร และหนา 8.3 มิลลิเมตร มีน้ำหนักรวมแบตเตอรี่อยู่ที่ 194 กรัม มาพร้อมหน้าจอแสดงผล IPS LCD แบบ Liquid Retina ซึ่งมีขอบมนรับกับดีไซน์แบบโค้งอันงดงามของตัวเครื่อง โดยมีหน้าจอขนาด 6.1 นิ้วความละเอียด 1792 x 828 พิกเซลที่ 326 ppi อัตราส่วนหน้าจอ 19.5:9 มีอัตราส่วนคอนทราสต์ 1,400:1 รองรับการแสดงผลแบบ True Tone จอภาพขอบเขตสีกว้าง (P3) รองรับการแตะค้างแบบสั่น รองรับ120Hz touch-sensing มีความสว่างสูงสุด 625 นิต เคลือบสารกันรอยนิ้วมือ oleophobic coating และรองรับการแสดงผลหลายภาษาและตัวอักษรหลายแบบพร้อมกัน

บริเวณด้านหน้าของตัวเครื่องนอกจากจะเป็นหน้าจอแสดงผลขนาด 6.1 นิ้วแล้ว ด้านบนก็จะเป็นรอยบากขนาดใหญ่ตามแบบฉบับของ iPhone โดยติดตั้งลำโพงพร้อมด้วยกล้องหน้า TrueDepth อยู่ทางด้านขวาของลำโพง และมีแผงเซนเซอร์ต่าง ๆ เพื่อช่วยในการใช้งาน FaceID รวมไปถึงไมโครโฟนในตัว ส่วนบริเวณด้านล่างของหน้าจอก็จะเป็นขอบของหน้าจอที่ไม่มีปุ่มการใช้งานใด ๆ ติดตั้งอยู่ในบริเวณนี้ ส่วนขอบทางด้านซ้ายของตัวเครื่องก็จะมีปุ่ม Toggle หรือสวิตซ์สำหรับเปิดปิดเสียง และปุ่มสำหรับปรับระดับเสียงแบบแยกกัน 2 ปุ่ม ส่วนทางขอบด้านขวาของตัวเครื่องก็จะเป็นปุ่มยาวที่เอาไว้ใช้พักหน้าจอแสดงผลรวมไปถึงเรียกใช้งาน Siri ถัดลงมาด้านล่างก็จะเป็นช่องสำหรับใส่ถาดซิมการ์ด โดยรองรับซิมการ์ดแบบ Nano SIM 1 ส่วนอีกซิมจะเป็นแบบ eSIM ซึ่งเป็นชิปฝังอยู่ในตัวเครื่อง ทางขอบด้านบนก็จะมีลักษณะเรียบโล่งไม่มีปุ่มใด ๆ ติดตั้งอยู่ แต่จะมองเห็นเป็นแถบเส้นสัญญาณพาดอยู่ด้วย ส่วนทางขอบด้านล่างก็จะเป็นที่อยู่ของไมโครโฟนในตัว ช่องต่อ Lightning และลำโพงสเตอริโอของตัวเครื่อง

ทางด้านหลังของตัวเครื่องก็จะมาพร้อมกับกระจกแบบมันเงาที่มีความสวยงามเป็นอย่างมากโดยทำการติดตั้งกล้องถ่ายรูปทั้งหมด 2 ตัวเรียงกันเป็นแนวตั้งวางอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมขอบมนอยู่ด้านมุมบนซ้ายมือเอาไว้ได้อย่างโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเลยทีเดียว พร้อมด้วยไฟแฟลช True Tone และรูไมโครโฟนเล็ก ๆ ส่วนบริเวณกึ่งกลางของฝาหลังก็จะเป็นสัญลักษณ์โลโก้ของ Apple ซึ่งก็ถือได้ว่าออกแบบมาได้สวยงามตามมาตรฐานของ iPhone และยังใช้กระจกที่มีลักษณะมันเงาจึงช่วยเสริมความโดดเด่นสดใสให้กับสีสันของตัวเครื่องได้มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

Apple iPhone 11 มาพร้อมชิป A13 Bionic Neural Engine รุ่นที่ 3 เช่นเดียวกับในรุ่น Pro มอบการประมวลผลแบบเรียลไทม์ที่ให้ความเร็วในระดับที่ยากจะหาใครเทียบเทียม

สำหรับสเปคของ Apple iPhone 11 รุ่นนี้ก็ต้องบอกว่า ยังคงมาพร้อมกับชิป Apple A13 Bionic (7 nm+) CPU แบบ Hexa-core (2x2.65 GHz Lightning + 4x1.8 GHz Thunder) พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก GPU Apple GPU (4-core graphics) จับคู่มากับ RAM 4GB โดยมีตัวเลือกหน่วยความจำได้แก่ 64GB, 128GB และ 256GB ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ iOS 13 ที่รองรับการอัปเกรดเป็น iOS เวอร์ชั่นล่าสุดได้ รักษาความปลอดภัยด้วยระบบสแกนใบหน้าหรือ Face ID ที่เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 30% พร้อมผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Siri ที่มีมาให้ใช้งานกันเหมือนเช่นเคย

สำหรับชิป A13 Bionic ที่ออกแบบโดย Apple นั้น ก็ทางค่ายก็เคลมมาว่าเป็นชิปที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมาในมือถือสมาร์ทโฟนเลยก็ว่าได้ ซึ่งมอบความเป็นที่สุดไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม Fusion แบบ 64 บิต โดยคอร์ประมวลผลการทำงานสามารถจัดการกับงานที่สลับซับซ้อนได้เร็วยิ่งกว่าที่เคย ในขณะที่คอร์ประหยัดพลังงานแบบเฉพาะก็จะคอยรับมือกับงานทั่วไปในชีวิตประจำวัน จึงทำให้สามารถประหยัดพลังงานได้มากกว่า พร้อม CPU เร็วที่สุดด้วยคอร์ประมวลผลการทำงานทั้ง 2 คอร์ของ CPU เร็วขึ้นสูงสุด 20% และใช้พลังงานน้อยลงสูงสุด 30% ในขณะที่คอร์ประหยัดพลังงานทั้ง 4 คอร์เร็วขึ้นสูงสุด 20% และใช้พลังงานน้อยลงสูงสุด 40% และ GPU เร็วที่สุดที่ออกแบบโดย Apple นั้นเร็วขึ้นสูงสุด 20% และใช้พลังงานน้อยลงสูงสุด 40% ซึ่งเหมาะสำหรับการเล่นเกมที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและประสบการณ์ AR ขั้นสูง นอกจากนี้ก็ยังมาพร้อมกับ Neural Engine แบบ 8 คอร์ที่ออกแบบโดย Apple มอบความเร็วขึ้นสูงสุด 20% และใช้พลังงานน้อยลงสูงสุด 15% เรียกได้ว่าเป็นขุมพลังในเบื้องหลังที่คอยขับเคลื่อนทั้งระบบของกล้องถ่ายรูป, Face ID, แอพ AR และอื่น ๆ อีกมากมาย และก็ยังมี Core ML 3 ที่ทำงานร่วมกับตัวควบคุมด้านการเรียนรู้ของระบบเพื่อส่งงานต่าง ๆ ไปยัง CPU, GPU หรือ Neural Engine โดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้นักพัฒนาใช้ประโยชน์จากขุมพลังด้านการเรียนรู้ของระบบในชิพ A13 Bionic ได้อย่างเต็มที่อีกด้วย

ในส่วนของแบตเตอรี่ซึ่งถือว่าเป็นจุดด้อยของ iPhone เมื่อเทียบกับคู่แข่งค่ายอื่น ๆ แต่ในรุ่นนี้ก็เรียกแต่ว่ามีการพัฒนาในเรื่องของการจัดการพลังงานและแบตเตอรี่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม โดยมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3,110 มิลลิแอมป์ ที่สามารถใช้งานได้นานกว่า iPhone XR สูงสุด 1 ชั่วโมง โดยสามารถใช้เล่นวีดีโอได้สูงสุด 17 ชั่วโมง ฟังเพลงได้นาน 65 ชั่วโมง พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 18W โดยสามารถชาร์จจาก 0 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ได้ภายในเวลา 30 นาทีเท่านั้น และสามารถชาร์จจากเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านสาย USB นอกจากนี้ก็ยังรองรับการชาร์จแบบไร้สายตามมาตรฐาน Qi wireless charging อีกด้วย

สำหรับโหมดการใช้งานที่น่าสนใจของ Apple iPhone 11 บอกเลยว่ามาพร้อมกับความสามารถที่หลากหลายและเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Siri ที่มีความฉลาดมากยิ่งขึ้นและสามารถตั้งชุดคำสั่งได้เอง และยังมีบริการใหม่อย่าง Game Arcade และ Apple TV+ รวมไปถึงการฝังชิป U1 Chip ช่วยให้ใช้งาน AirDrop ที่รวดเร็ว พร้อมระบบเสียงสเตอริโอสมจริงรอบทิศทางที่รองรับ Dolby Atmos นอกจากนี้ในส่วนของการเล่นเกมก็บอกได้เลยว่ายังคงทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและไว้ใจได้เหมือนเช่นเคย สามารถปรับการตั้งค่าการเล่นเกมในระดับสูงสุดได้อย่างลื่นไหลไม่มีปัญหา

Apple iPhone 11 มากับกล้องถ่ายรูปด้านเลนส์คู่ที่ได้รับการพัฒนาในการถ่ายรูปไปอีกขั้น พร้อมด้วยกล้องหน้าแบบ TrueDepth ที่รองรับการถ่ายวีดีโอเซลฟี่แบบ Slofie

ต้องบอกก่อนว่ากล้องถ่ายรูปของ iPhone นั้นเมื่อเทียบกับความละเอียดของกล้องถ่ายรูปของคู่แข่งบอกเลยว่ายังห่างไกลกันอยู่มาก เพราะในขณะที่ค่ายอื่น ๆ มากับกล้องความละเอียดไปที่ 48 ล้านหรือ 64 ล้านพิกเซลกันแล้ว แต่กล้องถ่ายรูปของ Apple iPhone 11 รุ่นนี้ก็ยังมาที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลด้วยกันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นกล้องหน้าและกล้องหลัง แต่ด้วยการทำงานของ Software กล้องรวมไปถึงชิป A13 Bionic บอกเลยว่าทำให้กล้องของ iPhone นั้นถ่ายออกมาได้สวยในระดับมืออาชีพกันเลยทีเดียว โดยที่กล้องด้านหลังทั้ง 2 ตัวก็จะประกอบไปด้วย กล้องอัลตร้าไวด์ทางยาวโฟกัส 13 มม. รูรับแสงขนาด f/2.4 ชุดเลนส์ 5 ชิ้น มุมมองภาพ 120° เก็บภาพได้กว้างขึ้น 4 เท่า กล้อง wide ทางยาวโฟกัส 26 มม. รูรับแสงขนาด f/1.8 ชุดเลนส์ 6 ชิ้น พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล (OIS) พร้อม Focus Pixels 100% และกล้องหน้าแบบ TrueDepth ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลรูรับแสงขนาด f/2.2

สำหรับโหมดการใช้งานของกล้องถ่ายรูปที่น่าสนใจก็จะประกอบไปด้วยโหมดภาพถ่ายบุคคลพร้อมโบเก้ที่สมจริงและการควบคุมระยะชัดลึกหรือโหมด Portrait ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง พร้อมการจัดแสงถ่ายภาพบุคคลด้วยเอฟเฟ็กต์ 6 แบบได้แก่ แสงไฟธรรมชาติ แสงไฟสตูดิโอ แสงไฟคอนทัวร์ แสงไฟเวที แสงไฟเวทีขาวดำ แสงไฟขาวดำไฮคีย์ มาพร้อมโหมดกลางคืนที่ทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อใช้งานกล้องในที่มืดหรือที่มีแสงน้อย และโหมด HDR อัจฉริยะที่ช่วยให้คุณถ่ายรูปได้สวยงามในทุกสภาพแสง

ในส่วนของการถ่ายวีดีโอก็จะมี QuickTake ที่เพียงแค่แตะชัตเตอร์ค้างเอาไว้ก็เริ่มใช้งานสำหรับบันทึกวิดีโอได้ในทันที นอกจากนี้ในส่วนของกล้องหน้า TrueDepth ก็ยังให้คุณสามารถถ่ายวิดีโอเซลฟี่สโลว์โมชั่น Slofie หรือถ่ายวิดีโอระดับ 4K ที่ 60 fps พร้อมด้วยลูกเล่น Animoji และ Memoji และกล้องหลังที่สามารถถ่ายวิดีโอระดับ 4K โดยช่วงไดนามิกที่กว้างขึ้นพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวคุณภาพระดับภาพยนตร์ สามารถถ่ายภาพนิ่งความละเอียด 8MP ขณะบันทึกวิดีโอระดับ 4K ได้ และยังสามารถปรับแต่งวีดีโอได้เหมือนกับในรูปภาพอีกด้วย เรียกว่าเป็นมือถือที่มาพร้อมความสามารถในเรื่องกล้องในระดับสูงไม่แพ้รุ่น Pro ทั้งในส่วนของภาพนิ่งและวิดีโอกันเลยทีเดียว

ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือก Apple iPhone 11

ข้อดี

• ดีไซน์กระจกสวยงามพร้อมการออกแบบที่แข็งแรงทนทาน
• มีสีสันให้เลือกเยอะ
• ระบบปลดล็อคด้วยใบหน้าทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
• ใช้งานได้อย่างลื่นไหลและเล่นเกมได้ดี
• แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานมากขึ้น
• รองรับการชาร์จเร็วและการชาร์จแบบไร้สาย
• กล้องถ่ายรูปทำออกมาได้ดีมากทั้งการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ

ข้อเสีย

• ตัวเครื่องค่อนข้างหนักและหนาพอสมควร
• ความละเอียดหน้าจอยังเป็นแค่ระดับ HD
• ไม่รองรับหน่วยความจำเสริมจากภายนอก
• ไม่มี Adapter สำหรับชาร์จเร็วแถมมาให้

3/4/2020